เครื่องฟอกอากาศยี่ห้อไหนดี เครื่องฟอกอากาศไหนที่จะตอบโจทย์ชาวภูมิแพ้ได้ดี บลอคนี้มีคำตอบจ้า !!
ถ้าเพื่อนๆที่เคยอ่านกระทู้ของมายด์เป็นประจำ หรือคนที่รู้จักก็จะทราบกันดีว่ามายด์จะเป็นภูมิแพ้อากาศอยู่เป็นประจำ และมักจะหาตัวช่วยต่างๆมาช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้อยู่เสมอๆ เพราะว่าไม่อยากทานยา (สมัยก่อนตั้งแต่เด็กคือทานยาลดน้ำมูกเยอะมาก จนรู้สึกว่าโตมาแล้วค่อนข้างดื้อยา ทานแล้วไม่ค่อยหาย หรือใช้เวลานานกว่าปกติ) และมายด์ก็มีอีก 1 ไอเท็มที่สำคัญมากๆที่จะมาเป็นตัวช่วยให้มายด์หายใจได้โล่งโปร่งสบายมากขึ้นนะคะ
เนื่องจากปัจจุบันนี้โลกของเราได้มีมลภาวะต่างๆนานาเพิ่มขึ้นมากมาย โดยเฉพาะในปี 2019-2020 ที่เราต้องเจอกับวิกฤต PM2.5 และ COVID19 ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายมากๆถึงแก่ชีวิต
นอกจากการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่, ออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอนั้น มายด์ว่ามันยังไม่เพียงพอต่อยุค 5G ของเราค่ะ โลกหมุนไปไวมาก เทคโนโลยีต่างๆมากมายก็พัฒนาไปไกลเช่นกัน
และคงจะดีกว่าถ้าเราเลือกที่จะดูแลตัวเองให้มากกว่าเดิม ใส่ใจตัวเองยิ่งขึ้น
ไอเท็มสุดเจ๋งที่ทุกบ้านต้องมี ที่เคยขาดตลาดแบบหาซื้อไม่ได้ นั่นก็คือ เครื่องฟอกอากาศนั่นเองค่า
ใช่แล้วค่ะ วันนี้มายด์จะขอมารีวิว เครื่องฟอกอากาศฟิลิปส์ รุ่น AC3854 ค่าาา
ก่อนหน้านี้ มายด์ก็มีคำถามเหมือนกันนะคะ ว่า เครื่องฟอกอากาศยี่ห้อไหนดี ?
แต่แบรนด์ฟิลิปส์ เป็นแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือ และเป็นที่รู้จักมานานแสนนาน จึงทำให้มายด์รู้สึกไว้วางใจใน Philips Air Purifier Connecte รุ่น AC3854 ค่ะ
เครื่องฟอกอากาศ Philips Air Purifier Connecte รุ่น AC3854 สามารถกรองได้ขนาดเล็กกว่า PM 2.5 ถึง 800 เท่า
- สามารถกำจัดอนุภาคขนาดเล็ก 0.003 ไมครอน (PM 0.003) ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าขนาดของไวรัส เชื้อรา แบคทีเรีย ไรฝุ่น และก๊าซพิษ โดยสถาบัน iUTA
- ผ่านการทดสอบกับ Life Virus ที่สามารถกำจัดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ ไวรัส H1N1 และแบคทีเรียได้ถึง 99.9% โดยสถาบันระดับโลก Airmid
- สามารถกำจัดสารก่อภูมิแพ้จากสัตว์ ไรฝุ่น เกสรดอกไม้และสปอร์เชื้อราได้ถึง 99.9% ผ่านการทดสอบโดยสถาบันระดับโลก ECARF
ทำให้มั่นใจได้เลยว่าอากาศหลังฟอกแล้วจะมีความสะอาด หมดกังวล
คู่มือ มีทั้งภาษาไทย และ ภาษาอังกฤษ
ซึ่งบอกละเอียดไปถึงขั้นตอน การถอดไส้กรองมาทำความสะอาด
ง่ายๆ ไม่ยุ่งยากซับซ้อนเลย
และยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นรุ่นที่มีฟังก์ชั่นต่างๆ ที่ให้ความสะดวกสบายกว่าเดิม ด้วยการสั่งการผ่าน Application บน Smartphone "Clean Home+ App" เพื่อเปิดเครื่องรอไว้เลยก่อนกลับถึงบ้าน หรือออกมาทำงานแล้ว ลืม ก็จะเลือกกดปิดเครื่องได้เหมือนกัน
Fillter
1. แตะดูสถานะของตัวฟิลเตอร์ แบบควรเปลี่ยนรึยังอะไรทำนองนี้
2. กดค้างเพื่อทำการรีเซ็ต
Display Switch : ไว้ดูมวลสภาพของ PM2.5 / แก๊ส / IAI
ถัดมาก็เป็นปุ่ม เปิด / ปิด
1. แตะเพื่อเปิด
2. แตะค้างเพื่อปิด
Mode : เลือก Auto / Turbo / โหมดนอน
Light เป็นรูปหลอดไฟ : สำหรับควบคุมแสง วงแหวนไฟ และ สัญลักษณ์ต่างๆที่จะโชว์บนหน้าจอ
นอกจากนั้นตัววงแหวนไฟสีน้ำเงินที่เห็นในตอนแรก มันสามารถเปลี่ยนเป็นสีอื่นๆได้ด้วยนะทุกคน
- สีน้ำเงิน : ค่า PM2.5 จะอยู่ในระดับ 1-12 = ดี
- สีม่วง : ค่า PM2.5 จะอยู่ในระดับ 13-35 = ปานกลาง
- สีชมพู : ค่า PM2.5 จะอยู่ในระดับ 36-55 = ไม่ดี
- สีแดง : ค่า PM2.5 จะอยู่ในระดับ 56-มากกว่า95 = แย่มาก
เป็นสิ่งที่ทำออกมาให้สังเกตได้เด่นชัดมาก เพราะว่าเราคงไม่มีเวลาไปนั่งจ้องเลขอยู่บ่อยๆ
แต่แค่เดินผ่านๆ ก็คงจะสะดุดตาเตือนใจมากกว่าเดิมด้วยสีเหล่านี้ ที่เปลี่ยนไป เหมือนเป็นเครื่องเตือนใจ
ด้วยนวัตกรรมการกรอง CADR 500 m3/hr กรองอากาศสะอาดได้ใน 6 นาที (สำหรับการทดสอบในห้องขนาด 20 ตรม) ซึ่ง Philips Air Purifier Connecte รุ่น AC3854 เหมาะกับการใช้กับห้องที่มีขนาดไม่เกิน 130 ตรม.
และวันนี้เป็นวันที่อากาศเย็นๆ ไม่ร้อน มายด์เลยตัดสินใจทำความสะอาดห้อง และทำการทดลองว่า 6 นาที จะสามารถกรองอากาศได้สะอาดจริงหรือไม่
ความรู้สึกหลังใช้
1. แอพพลิเคชั่น : ใช้ง่าย มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เข้าใจง่าย มีฟังชันก์เยอะ
ตอบโจทย์คนขี้ลืมอย่างเรามาก เพราะเวลาลืมปิดก็แค่เปิดแอพ หรือว่าเวลาไปทำงาน แล้วก่อนถึงบ้าน ก็เปิดไว้รอก่อนถึงบ้านได้เลย สะดวกมากๆ
2. เครื่องฟอกอากาศ
- หน้าจอ : ใช้งานง่าย สามารถควบคุมการทำงานผ่านระบบสัมผัสบนหน้าจอได้เลย สามารถปิดไฟหน้าจอได้ด้วย
ทำให้ไม่มีแสงรบกวนในเวลานอน แล้วก็ชอบวงแหวนสีๆที่แสดงถึงค่าอากาศออกเป็นสีต่างๆ
- ขนาด : ค่อนข้างใหญ่มาก น้ำหนักเยอะ เคลื่อนย้ายยากหน่อย แต่ถือว่าตอบรับกับขนาดห้องใหญ่ได้ดี เพราะสามารถใช้กับห้องที่ใหญ่ได้ถึงขนาดไม่เกิน 130 ตรม. เลยแหละ พลังสุดยอดมากๆนะ
- ตัวไส้กรอง : ถอดเปลี่ยนง่าย ฝาหลังถอดง่ายกว่าอื่นๆ
- ระยะเวลาการฟอก : รวดเร็ว ใช้เวลาเพียงแค่ไม่เกิน 6 นาที ก็สามารถฟอกอากาศให้ค่าลดลงมาอยู่ที่หลักหน่วยได้แล้ว
- ดีไซน์ : เรียบหรู ทันสมัย โดยเฉพาะหน้าจอสัมผัส และวงแหวนไฟสีๆ
3. อากาศหลังฟอก : รู้สึกว่าหายใจได้โล่งโปร่งสบายมากขึ้น แบบรับรู้ได้ชัดเจนมากกว่า
โดยตอนก่อนหน้านี้ที่ยังไม่ได้มีเจ้าเครื่องฟอกในห้องค่ะ คือ นอนตื่นมาก็รู้สึกว่าบางวันหายใจติดขัด นอนกระสับกระส่าย ต้องใช้พวกยาดม หรือพวกสเปรย์หอมระเหยช่วยให้หายใจสะดวกขึ้น เพราะนอนในห้องแอร์ อากาศค่อนข้างแออัด และตอนกลางวัน ก็จะเปิดหน้าต่างเพื่อรับลมใหห้อากาศถ่ายเท แต่เมื่อเราเปิดให้อากาศข้างนอกเข้ามา แน่นอนล่ะว่า มันต้องมาพร้อมกับฝุ่นต่างๆ อาทิ ไวรัส เชื้อรา แบคทีเรีย ไรฝุ่น ก๊าซพิษ รวมไปถึง PM2.5 ซึ่งเป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เพราะมีขนาดเล็กมากๆๆๆ
แต่เมื่อมี Philips Air Purifier Connecte รุ่น AC3854 ก็ทำให้มายด์มีความมั่นใจมากขึ้น ว่าอากาศภายในห้องสะอาด หมดกังวลอีกต่อไป รู้สึกเฟรชกว่าเดิม ก่อนนอนก็นอนหลับสบาย หายใจโล่งกว่าที่เคย หมดกังวลกับอาการหายใจติดขัด จนทำให้นอนหลับยาก เป็นกังวล
เพราะเรื่องการนอนหลับถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆเลยนะ ถ้าเรานอนหลับไม่สบาย พักผ่อนไม่เพียงพอ จะส่งผลถึงระบบการทำงานต่างๆในร่างกายที่เสียมสมดุลและเสียประสิทธิภาพในการใช้ชีวิต เพราะฉะนั้น เลิฟมาก เมื่อได้เครื่องฟอกมาทำให้เรานอนหลับเต็มอิ่ม ตื่นมาสดชื่นกระปรี่กระเป่า พร้อมทำงาน หรือทำกิจกรรมในทุกๆวันอย่างเต็มที่ อิอิ
และที่สำคัญไวรัสโควิดที่กำลังระบาดหนักอยู่ในตอนนี้ ก็ยิ่งเป็นเหตุผลสำคัญเลยนะคะที่ทุกคนควรมีเครื่องฟอกอากาศที่ดีมีคุณภาพแบบนี้ติดบ้านไว้ ป้องกัน ห่างไกลโรคกันนะคะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น